โรคโพรงประสาทตีบแคบบริเวณเอว (Lumbar Spinal Stenosis)
อาการปวดหลังและปวดเอวมักสร้างความทรมานและรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน บางรายถึงขั้นไม่สามารถทำงานหรือดำเนินชีวิตได้ตามปกติ หนึ่งในสาเหตุสำคัญที่พบบ่อยคือ โรคโพรงประสาทส่วนเอวตีบแคบ
โรคนี้เกิดจากการตีบแคบลงของช่องว่างภายในกระดูกสันหลัง หรือที่เรียกว่า “โพรงกระดูกสันหลัง” หรือโพรงประสาท (Spinal Canal) ซึ่งเป็นทางผ่านของเส้นประสาทไขสันหลัง (Spinal Cord) การตีบแคบอาจเกิดขึ้นที่ระดับเดียวหรือหลายระดับก็ได้
สาเหตุของโรค
1. ความผิดปกติแต่กำเนิดของโพรงกระดูกสันหลัง
2. การเสื่อมสภาพตามวัย
3. โรคกระดูกต่างๆ เช่น โรคกระดูกพรุน หรือกระดูกเสื่อม
นอกจากนี้ ยังอาจเกิดจากกระดูกหรือเอ็นหนาตัวขึ้น หมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อน หรือกระดูกสันหลังเคลื่อน (Spondylolisthesis)
อาการที่พบ
- ปวดหลังและอาจร้าวลงขาข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง
- เดินแล้วรู้สึกขาอ่อนแรงหรือปวดขา
- อาการชาที่ขาหรือปวดน่อง ทำให้ต้องหยุดพักเป็นระยะขณะเดิน
- รู้สึกหนักบริเวณก้นหรือสะโพก โดยเฉพาะเมื่อยืนหรือเดินนาน
- อาจมีปัญหาเกี่ยวกับการขับถ่าย เช่น กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ปัสสาวะไม่ออก หรือท้องผูก
- อาจส่งผลต่อสมรรถภาพทางเพศ
ที่น่าสนใจคือ อาการมักดีขึ้นเมื่อผู้ป่วยนั่งลงหรือก้มตัวไปข้างหน้า แต่จะรุนแรงขึ้นเมื่อแอ่นหลัง การนั่งหรือนอนหงายมักช่วยบรรเทาอาการได้
โรคนี้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อคุณภาพชีวิต แต่ด้วยเทคนิคการรักษาใหม่ๆ อย่าง PSLD ที่ใช้เทคโนโลยีทันสมัย ทำแผลเล็ก และลดความเจ็บปวด ทำให้ผู้ป่วยมีทางเลือกในการรักษาที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เมื่อไรควรพบแพทย์?
ควรพบแพทย์โดยเร็วหากคุณมีอาการดังต่อไปนี้:
- ปวดขาหรือปวดหลังรุนแรงจนกระทบต่อการเดินหรือการใช้ชีวิตประจำวัน
- เดินได้ระยะทางสั้นลงหรือต้องหยุดพักบ่อย
- กล้ามเนื้อขาลีบ หรือมีอาการชาที่ขา
- มีปัญหาเกี่ยวกับการขับถ่าย
นอกจากนี้ ควรพบแพทย์ด่วนหากมีอาการต่อไปนี้ร่วมด้วย:
- ปวดบริเวณด้านหลังขาร่วมกับมีไข้
- น้ำหนักลดผิดปกติหรือเบื่ออาหาร
- ปวดรุนแรงขณะนอนพักหรือในเวลากลางคืน
- อาการเหล่านี้อาจบ่งชี้ถึงการติดเชื้อหรือโรคร้ายแรงอื่นๆ เช่น มะเร็งกระดูกสันหลัง
ใครมีความเสี่ยงเป็นโรคนี้?
- ผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปี
- ผู้ที่มีน้ำหนักเกิน
- ผู้ป่วยโรคเบาหวาน
- ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน
การวินิจฉัยโรค
แพทย์จะวินิจฉัยโรคจาก:
- การซักประวัติอาการ
- การตรวจร่างกาย
- การตรวจทางรังสีวิทยา
- เอกซเรย์ธ (X-ray): ใช้ประเมินโครงสร้างกระดูกสันหลังเบื้องต้น
- เอ็มอาร์ไอ (MRI): ใช้เมื่อต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรือเตรียมการผ่าตัด
หมายเหตุ: แม้ภาพถ่ายทางรังสีวิทยาอาจแสดงความผิดปกติ แต่แพทย์จะพิจารณาจากอาการและการตรวจร่างกายเป็นหลัก เนื่องจากบางครั้งผู้ป่วยอาจไม่มีอาการแม้ภาพถ่ายแสดงความผิดปกติ
• หมอนรองกระดูกปลิ้นคือ?
• MRI แบบยืน ค้นหาสาเหตุของคนปวดหลัง
• มาเช็กกระดูกสันหลังกันเถอะ
การรักษา
1. การใช้ยา
- ยาต้านการอักเสบ
- ยาแก้ปวด เช่น พาราเซตามอล (Paracetamol)
- ยาคลายกล้ามเนื้อ
- ยาต้านซึมเศร้าหรือยากันชักบางชนิด (สำหรับอาการปวดจากเส้นประสาทถูกกดทับ)
2. การทำกายภาพบำบัด
- การกระตุ้นเส้นประสาทด้วยไฟฟ้า (Transcutaneous Electrical Nerve Stimulation – TENS)
- การนวด
- การใช้คลื่นอัลตร้าซาวด์
- การฝังเข็ม (Acupuncture)
- การดึงขยายข้อต่อกระดูกสันหลัง (Traction)
- การฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหลังและขา
3. การผ่าตัด
- พิจารณาเมื่อการรักษาด้วยวิธีอื่นไม่ได้ผล
- เมื่ออาการรุนแรงจนกระทบต่อคุณภาพชีวิต
- เมื่อมีปัญหาการควบคุมระบบขับถ่าย
โรงพยาบาลเอส สไปน์ มีเทคนิคการผ่าตัดพิเศษ โดยใช้การส่องกล้องผ่านแผลขนาดเล็กเพียง 0.5 เซนติเมตร ซึ่งให้ผลการรักษาที่ดี ปลอดภัย และผู้ป่วยเจ็บตัวน้อยกว่าการผ่าตัดแบบเปิด ทั้งนี้การรักษาที่เหมาะสมจะขึ้นอยู่กับอาการและการวินิจฉัยของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
การส่องกล้องรักษาโรคโพรงกระดูกสันหลังตีบแคบ (PSLD)
PSLD หรือ Percutaneous Stenoscopic Lumbar Decompression เป็นเทคนิคการผ่าตัดทันสมัยที่ใช้กล้องเอ็นโดสโคปขนาดเล็กในการรักษา โดยมีข้อดีหลายประการ:
- แผลผ่าตัดขนาดเพียง 5 มิลลิเมตร
- สูญเสียเลือดน้อย
- ฟื้นตัวเร็ว สามารถลุกเดินได้หลังผ่าตัด
- ความปลอดภัยสูง และความเสี่ยงติดเชื้อต่ำ
- นอนโรงพยาบาลเพียง 1 คืน
- ค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการผ่าตัดแบบเดิม
- ลดการทำลายเนื้อเยื่อปกติรอบบริเวณผ่าตัด
- กลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้เร็ว
ขั้นตอนการรักษา
- ผู้ป่วยสามารถลุกเดินได้ทันทีหลังผ่าตัด
- ผู้ป่วยได้รับยาสลบ
- แพทย์สอดกล้องเอ็นโดสโคปผ่านแผลขนาด 5 มิลลิเมตร
- กล้องช่วยให้แพทย์มองเห็นเส้นประสาทได้ชัดเจน
- แพทย์เลือกตัดเฉพาะส่วนที่กดทับเส้นประสาท
- ใช้เวลาประมาณ 30-45 นาที
การดูแลตนเองและการป้องกัน
- ควบคุมน้ำหนัก
- หลีกเลี่ยงการยกของหนัก
- ระวังการก้มเงยและนั่งทำงานในท่าเดียวนานเกิน 2 ชั่วโมง
- ปรับพฤติกรรมการใช้หลังให้ถูกวิธี
- ทำกายภาพบำบัดอย่างต่อเนื่อง
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ แต่หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก
โรงพยาบาลของเรามีเทคโนโลยีทันสมัยครบวงจร รวมถึงการรักษาด้วยเลเซอร์สำหรับโรคหมอนรองกระดูกสันหลังโดยไม่ต้องผ่าตัด และการผ่าตัดแบบส่องกล้องที่ทำให้แผลเล็ก บอบช้ำน้อย ฟื้นตัวไว และปลอดภัย
หากท่านมีอาการปวดหลังหรือปัญหาเกี่ยวกับกระดูกสันหลัง สามารถปรึกษาเราเพื่อประเมินแนวทางการรักษาที่เหมาะสม เพื่อการหายอย่างยั่งยืน