020340808

ปวดต้นคอท้ายทอยจุดเริ่มต้นกระดูกคอเสื่อม

ปวดต้นคอท้ายทอย ปวดคอบ่าไหล่ ปวดคอเรื้อหลัง

กระดูกคอเสื่อมเป็นโรคที่หลายคนเข้าใจว่าไม่มีทางรักษาให้หายขาด ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักทนทุกข์ทรมานกับอาการปวดมานานนับสิบปี

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกสันหลังอธิบายว่า โรคนี้มักเกิดขึ้นตามวัยที่เพิ่มขึ้น และหากปล่อยไว้โดยไม่รับการรักษา อาจลุกลามจนกลายเป็นภาวะปวดเรื้อรังที่ยากต่อการรักษา

  1. อายุที่เพิ่มขึ้น: เมื่อเราอายุมากขึ้น หมอนรองกระดูกจะค่อยๆ เสื่อมสภาพลง โดยเฉพาะในกลุ่มคนอายุ 40 ปีขึ้นไป
  2. การเคลื่อนไหวที่ไม่เหมาะสม: การขยับคอบ่อยๆ หรือแรงเกินไปจะเร่งให้เกิดความเสื่อมเร็วขึ้น
  3. พฤติกรรมการใช้ชีวิตในยุคดิจิทัล: การก้มหน้าใช้โทรศัพท์มือถือเป็นเวลานาน หรือการทำงานในท่าเดิมโดยไม่เปลี่ยนอิริยาบถ

ข้อมูลจากโรงพยาบาล เอส สไปน์ ชี้ให้เห็นว่า ตั้งแต่ปี 2561 จนถึงปัจจุบัน จำนวนผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาโรคกระดูกคอเสื่อมเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงาน

  • หมอนรองกระดูกคอระดับ 3-4 เป็นจุดสูงสุดของหมอนรองกระดูกคอเสื่อม จะมีอาการปวดต้นคอท้ายทอยคล้ายปวดไมเกรน
  • หมอนรองกระดูกคอระดับ 4-5 ปวดคอ บ่า ไหล่
  • หมอนรองกระดูกคอระดับ 5-6  ปวดบริเวณสะบัก
  • หมอนรองกระดูกคอระดับ 6-7 ปวดบริเวณด้านในของสะบักหรือข้างล่างสะบัก
อาการปวดที่ต้นคอและท้ายทอย สามารถเป็นสัญญาณของหมอนรองกระดูกคอเสื่อม
อาการปวดที่ต้นคอและท้ายทอย สามารถเป็นสัญญาณของหมอนรองกระดูกคอเสื่อม


ท่านเคยสงสัยไหมว่า อาการปวดต้นคอท้ายทอยที่ท่านกำลังประสบอยู่นั้น เกิดขึ้นจากสาเหตุใด? แม้อาการปวดอาจบ่งบอกถึงตำแหน่งที่ถูกกดทับได้ แต่เพื่อความแม่นยำในการวินิจฉัย การตรวจด้วยเครื่อง MRI จึงเป็นสิ่งจำเป็น เนื่องจากสามารถแสดงให้เห็นถึงระดับความรุนแรงของการกดทับเส้นประสาทโดยหมอนรองกระดูกที่เคลื่อน หรือความเสื่อมของกระดูกคอได้อย่างชัดเจน

หากพบว่าเส้นประสาทถูกกดทับมาก ควรได้รับการรักษาโดยเร็ว มิฉะนั้นอาจส่งผลให้เส้นประสาทได้รับบาดเจ็บถาวร และอาจไม่สามารถฟื้นฟูได้อย่างสมบูรณ์

กระดูกคอเสื่อมมักเกิดจากการใช้งานหนักเป็นเวลานาน ดังนั้น เพื่อชะลอการเสื่อมสภาพ ควรปฏิบัติดังนี้:

  1. หลีกเลี่ยงการก้มหน้าเป็นเวลานาน เพราะยิ่งก้มมาก หมอนรองกระดูกคอก็จะยิ่งเสื่อมเร็ว
  2. ไม่ใช้หมอนสูงเกินไปขณะนอน เพราะจะทำให้คอพับคล้ายกับการก้มหน้า ซึ่งส่งผลเสียต่อกระดูกคอในระยะยาว

การรักษากระดูกคอเสื่อมมีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ:

  1. การรักษาแบบอนุรักษ์นิยม: สำหรับกรณีที่อาการไม่รุนแรง แพทย์อาจแนะนำให้รับประทานยาร่วมกับการทำกายภาพบำบัด เพื่อฟื้นฟูความแข็งแรงของกล้ามเนื้อบริเวณคอ

  2. การฉีดยา: ในกรณีที่เส้นประสาทมีการอักเสบ แพทย์อาจพิจารณาฉีดยาเฉพาะจุด เพื่อบรรเทาอาการ

  3. การรักษาด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง: หากวิธีการรักษาข้างต้นไม่ได้ผล แพทย์อาจแนะนำการรักษาด้วยวิธีอื่น เช่น:


การใส่ใจสุขภาพคอ หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง และสังเกตอาการผิดปกติ เช่น อาการปวดต้นคอท้ายทอย เป็นสิ่งสำคัญ หากพบความผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านกระดูกสันหลังโดยเร็ว เพื่อค้นหาสาเหตุที่แท้จริงและรับการรักษาที่เหมาะสม ซึ่งจะช่วยให้ท่านมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

สอบถามข้อมูล

อาการปวดคอ
อาการปวดหลัง
MRI

รพ. เอส ไปน์

เราเฉพาะทางด้านกระดูกสันหลัง

ปวดหลัง ปวดคอไม่หาย
ปรึกษาเราเลย!

020340808Line ID @s-spinehospital