การรักษากระดูกสันหลังเคลื่อนทับเส้นประสาท หรือที่รู้จักกันในชื่อ “กระดูกทับเส้น” ได้ก้าวหน้าไปอีกขั้นด้วยเทคนิค Full Endo TLIF (Full Endoscopic Transforaminal Lumbar Interbody Fusion) ซึ่งเป็นนวัตกรรมล่าสุดในวงการแพทย์ เทคนิคนี้ไม่เพียงแต่ช่วยบรรเทาอาการของผู้ป่วย แต่ยังมอบประสบการณ์การรักษาที่ดีกว่าวิธีดั้งเดิมอย่างเห็นได้ชัด
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกสันหลังอธิบายว่า การรักษาด้วยวิธี Full Endo TLIF นี้ เป็นการผสมผสานระหว่างการเชื่อมข้อกระดูกสันหลังและการเปลี่ยนหมอนรองกระดูกเทียม โดยใช้กล้องเอ็นโดสโคปขนาดจิ๋ว ซึ่งช่วยลดการบาดเจ็บต่อเนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อให้น้อยที่สุด ส่งผลให้แผลมีขนาดเล็กลงอย่างมีนัยสำคัญ และผู้ป่วยฟื้นตัวได้รวดเร็วกว่าวิธีการรักษาแบบเดิม
โรคกระดูกสันหลังเคลื่อนทับเส้นประสาท หรือ Spondylolisthesis เป็นภาวะที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในผู้ที่มีอายุเกิน 50 ปีขึ้นไป และพบมากในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย เนื่องจากความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นที่แตกต่างกัน โรคนี้เกิดจากการที่ข้อกระดูกสันหลังเคลื่อนออกจากแนวปกติไปทางด้านหน้า ซึ่งมักพบมากที่สุดบริเวณหลังส่วนล่าง หรือระดับ L4-L5
ผลการวิจัยจากสถาบันสุขภาพแห่งชาติ ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ยืนยันถึงประสิทธิภาพของเทคนิค Endoscopic TLIF ว่าให้ผลการฟื้นตัวที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับเทคนิค MIS TLIF แบบดั้งเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 6 เดือนแรกหลังการรักษา
ที่โรงพยาบาล เอส สไปน์ ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกการใช้เทคนิค Full Endo TLIF ในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2566 ได้ให้การรักษาผู้ป่วยมากกว่า 20 รายในช่วงเวลาเพียง 4 เดือน โดยทุกรายแสดงผลการรักษาที่น่าพึงพอใจอย่างยิ่ง
วิธีการรักษากระดูกสันหลังเคลื่อนทับเส้นประสาท ด้วยเทคนิค Full Endo TLIF
ปัจจุบัน การรักษากระดูกสันหลังเคลื่อนมีหลากหลายวิธี โรงพยาบาล เอส สไปน์ ได้นำเทคนิคใหม่ล่าสุดมาให้บริการ นั่นคือ Full Endo TLIF (Full Endoscopic TLIF) ซึ่งส่งผลกระทบต่อกล้ามเนื้อผู้ป่วยน้อยมาก
วิธีการนี้ใช้การเจาะรูส่องกล้องแทนการเปิดแผลขนาดใหญ่ โดยสอดกล้องเอ็นโดสโคปเข้าไปโดยไม่ต้องตัดกล้ามเนื้อ แพทย์จะนำส่วนที่กดทับเส้นประสาทออก เช่น หมอนรองกระดูก เส้นเอ็น และกระดูกสันหลังบางส่วนที่มีปัญหา จากนั้นใส่หมอนรองกระดูกเทียม (Peek) ผ่านกล้อง และเชื่อมข้อกระดูกสันหลัง (Interbody Fusion) ด้วยสกรูแบบเจาะรู (Percutaneous Screw) เพิ่มอีก 3 รู
เทคนิคนี้ทำลายโครงสร้างกระดูกสันหลังน้อยมาก และช่วยลดอาการปวดแผลของผู้ป่วยลงได้อย่างมากเมื่อเทียบกับการรักษาแบบดั้งเดิม
การทำ Endoscopic TLIF มี 2 แบบ:
- Endoscopic Assist TLIF: ใช้ในโรงพยาบาลส่วนใหญ่ในประเทศไทย เจาะ 2 รูและใช้อุปกรณ์แยกกัน แม้จะเป็นการส่องกล้อง แต่คล้ายการผ่าตัดเปิด เครื่องมือต้องผ่านชั้นกล้ามเนื้อ อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บมากขึ้นเมื่อขยับหาตำแหน่ง และมีความเสี่ยงในการใช้เครื่องมือผิดพลาด ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง
- Full Endo TLIF: มีเฉพาะที่โรงพยาบาล เอส สไปน์ เจาะเพียง 1 รูและใช้อุปกรณ์พิเศษที่รวมกล้องและเครื่องมือไว้ด้วยกัน ลดการทำลายกล้ามเนื้อโดยตรง แพทย์สามารถมองเห็นเครื่องมือตลอดเวลา ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
ข้อดีของ Full Endo TLIF:
- ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็ว
- แผลผ่าตัดมีขนาดเล็ก
- ภายใน 1 สัปดาห์ ผู้ป่วยสามารถเดินได้คล่อง
- การผ่าตัดกระดูกสันหลัง เรื่องใกล้ตัว ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด
- MRI แบบยืน ค้นหาสาเหตุของคนปวดหลัง
- ปวดหลังไม่หาย…ต้องรักษา
เทคนิคการรักษากระดูกสันหลังเคลื่อน: เปรียบเทียบ Full Endo TLIF กับวิธีอื่น
- Full Endo TLIF (Full Endoscopic TLIF)
- วิธีการ : ใช้กล้องเอ็นโดสโคปสอดผ่านรูขนาดเล็ก โดยไม่ต้องตัดกล้ามเนื้อ
- ขนาดแผล : ไม่เกิน 1 เซนติเมตร (เท่าขนาดนอตยึดกระดูก)
- ข้อดี:
- เสียเลือดน้อย
- ผู้ป่วยลุกเดินได้เร็ว
- ปวดน้อยมาก แทบไม่ต้องใช้ยาแก้ปวด
- นอนโรงพยาบาล 2-4 วัน
- ฟื้นตัวเร็ว กลับไปใช้ชีวิตปกติได้
- ข้อควรระวัง: ต้องอาศัยศัลยแพทย์ที่เชี่ยวชาญเฉพาะทาง
- MIS TLIF (Minimally Invasive Surgery Transforaminal Lumbar Interbody Fusion)
- ข้อควรระวัง: อาจต้องใช้ยาแก้ปวดใน 24 ชั่วโมงแรกหลังผ่าตัด
- วิธีการ: เปิดแผลขนาดเล็กที่กลางหลัง สอดอุปกรณ์เข้าไปยังกระดูกสันหลัง
- ขนาดแผล: ประมาณ 3 ซม. เซนติเมตรสำหรับการผ่าตัดหลัก และ 1 ซนติเมตร x 4 รู สำหรับยึดนอต
- ข้อดี:
- แผลเล็กกว่าการผ่าตัดแบบเปิด
- ฟื้นตัวเร็วกว่าการผ่าตัดแบบเปิด
- ไม่ต้องใส่สายระบายเลือด
- นอนโรงพยาบาล 3-4 วัน
- การผ่าตัดแบบเปิดแผล (Open Surgery)
- วิธีการ: เปิดแผลขนาดใหญ่ที่กลางหลัง เลาะกล้ามเนื้อ ตัดกระดูกบางส่วน
- ขนาดแผล: 5-7 เซนติเมครหรือตามขนาดของข้อกระดูกที่ต้องผ่าตัด
- ข้อเสีย:
- ความเสี่ยงสูง
- แผลขนาดใหญ่
- ต้องใส่สายระบายเลือด
- ผู้ป่วยต้องนอนนิ่ง 24 ชั่วโมงแรก
- นอนโรงพยาบาล 4-5 วัน
- ต้องทำกายภาพบำบัดต่อเนื่อง 2-3 เดือน
ข้อปฏิบัติตัวหลังการรักษากระดูกสันหลังเคลื่อนทับเส้นประสาท ด้วยเทคนิค Full Endo TLIF
หลังจากทำการรักษาผู้ป่วยส่วนมากจะดีขึ้น และสามารถกลับไปทำงานได้ตามปกติ แต่ในบางรายอาจต้องใช้เวลาประมาณ 4-8 สัปดาห์ กว่าที่จะสามารถกลับไปทำงานได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของร่างกายผู้ป่วย แม้ว่าจะรู้สึกดีขึ้นหลังจากทำการผ่าตัด แต่ถ้าหากยังปฏิบัติตัวเหมือนเดิม เช่น ก้มตัว นั่งกับพื้น นั่งยองๆ หรือยกของหนัก ก็มีโอกาสต้องกลับมาผ่าตัดใหม่ในอนาคต
ทั้งนี้หลังการรักษาสามารถออกกำลังกายด้วยการเดินประมาณ 5-10 นาทีในช่วง 6 สัปดาห์แรกได้เนื่องจากกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นยังไม่สมานตัวดีเท่าที่ควร แต่หลังจาก 6 สัปดาห์ไปแล้ว ผู้ป่วยสามารถเดินได้ระยะไกลหรือใช้ระยะเวลาในการเดินได้มากกว่าเดิม เนื่องจากแผลด้านในดีขึ้น ซึ่งการออกกำลังกายในลักษณะนี้จะช่วยฟื้นฟูให้ร่างกายกลับมาปกติได้เร็วยิ่งขึ้น
- ทำความรู้จัก “กล้ามเนื้อแกนกลาง” Core Muscles สิ่งสำคัญในการป้องกันกระดูกสันหลังของเรา
- หลังการผ่าตัด ควรปฏิบัติตัวอย่างไร?
การดูแลตัวเองไม่ให้เกิดโรคกระดูกสันหลังเคลื่อนทับเส้นประสาท หรือกระดูกทับเส้น จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะการป้องกันย่อมดีกว่าการแก้ไข ดังนั้นเราควรดูแลสุขภาพหลังให้อยู่กับเราได้นานๆ ด้วยการออกกำลังการเพิ่มความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว ก่อนการออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาควรยืดเหยียดกล้ามเนื้อเพื่อให้พร้อม จำกัดระยะเวลาในการเล่นกีฬาที่เพิ่มแรงตึงให้กับกระดูกสันหลัง โดยเฉพาะกีฬาที่ต้องใช้การบิดตัวมากๆ หรือการยกน้ำหนัก เพราะอาจเสี่ยงเกิดกระดูกสันหลังเคลื่อนได้ และควรควบคุมน้ำหนักตัวเพื่อให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานก็จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคกระดูกสันหลังเคลื่อนได้
ข้อมูลอ้างอิง :
Percutaneous Endoscopic Transforaminal Lumbar Interbody Fusion: Technique Note and Comparison of Early Outcomes with Minimally Invasive Transforaminal Lumbar Interbody Fusion for LumbarSpondylolisthesis (https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC7910530/)