020340808

“ผ่าตัดวันเดียว กลับมาเดินได้เหมือนเดิมจริง ๆ”

messageimage 1727415207844

“มันทำให้รู้สึกเหมือนว่า เราหายได้เร็วขนาดนี้จากที่เคยเดินแล้วพัก มันค่อนข้างลำบากกับชีวิตประจำวันมาก แต่ตอนนี้แค่ผ่าตัดวันเดียวก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้จริง ๆ”

การใช้ชีวิตในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ ที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบและการจราจรที่ติดขัด มักเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้หลายคนต้องเผชิญกับปัญหาสุขภาพอย่างไม่รู้ตัว คุณสุภัทรา เจ้าของธุรกิจส่งของที่ต้องพึ่งพาการขับรถเป็นส่วนสำคัญในชีวิตประจำวัน ก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ต้องต่อสู้กับอาการปวดหลังร้าวลงขา เป็นเวลานานกว่า 5 ปี

ก่อนที่คุณสุภัทราจะก้าวมาเป็นเจ้าของธุรกิจส่วนตัว เธอเคยทำงานเป็นเซลล์ ซึ่งต้องขับรถไปพบลูกค้าทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด อาชีพนี้ทำให้เธอต้องใช้เวลามากมายบนท้องถนน โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ การจราจรที่ติดขัดทำให้การเดินทางแต่ละครั้งใช้เวลา 4-5 ชั่วโมงต่อวัน การนั่งอยู่ในรถเป็นเวลานานเช่นนี้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเธออย่างชัดเจน เมื่อเพิ่มเข้ากับการทำงานที่ต้องใช้ความเครียดสูง ทำให้เธอต้องใช้ร่างกายหนักโดยไม่รู้ตัว

ในช่วงที่เธอทำงานเป็นเซลล์ เธอเริ่มมีอาการปวดหลังเล็กน้อยจากการนั่งนาน ๆ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก เนื่องจากเชื่อว่าอาการปวดเล็กน้อยเหล่านี้เป็นเพียงผลจากการทำงานหนัก จนกระทั่งเมื่อเธอตัดสินใจลาออกจากงานเซลล์และเริ่มต้นธุรกิจของตัวเอง การขับรถยังคงเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของเธอ แม้ว่าจะสามารถจัดสรรเวลาทำงานได้ยืดหยุ่นขึ้น แต่อาการปวดหลังที่เคยคิดว่าเล็กน้อยกลับทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ

คุณสุภัทราเป็นคนที่รักการออกกำลังกายและเชื่อในพลังการรักษาตัวเอง เธอออกกำลังกายสม่ำเสมอ โดยเฉพาะการออกกำลังกายที่มีแรงกระแทกสูง อย่างไรก็ตาม การออกกำลังกายที่หนักและการทำงานอย่างหนักในช่วงเวลานั้นทำให้เธอเริ่มมีอาการปวดหลังที่รุนแรงขึ้น แม้ว่าเธอจะพยายามปรับเปลี่ยนวิธีการออกกำลังกายเป็นแบบโลว์อิมแพคและเพิ่มการยืดเหยียดเพื่อบรรเทาอาการ แต่ก็ยังไม่สามารถหยุดยั้งอาการปวดหลังร้าวลงขา ได้

ในช่วงระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมานี้ คุณสุภัทราพยายามดูแลสุขภาพของตัวเองอย่างเต็มที่ เธอพยายามลดระดับความรุนแรงของการออกกำลังกาย ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต และลองวิธีการรักษาต่าง ๆ ทั้งการทานยาและทำกายภาพบำบัด แต่อาการปวดหลังร้าวลงขา ยังคงอยู่ และบางครั้งก็รุนแรงจนทำให้เธอต้องหยุดการเดินเป็นระยะ ๆ เมื่อเวลาผ่านไป อาการเหล่านี้เริ่มส่งผลกระทบต่อจิตใจและความมั่นใจของเธอ ทำให้เธอต้องหาทางแก้ไขที่จริงจังและมีประสิทธิภาพมากขึ้น 

คุณสุภัทราเล่าว่าเธอมักให้กำลังใจตัวเองอยู่เสมอ แม้จะรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ปกติ อารมณ์เหมือนกับว่า “ไม่ควรเป็นแบบนี้” จากการใช้ชีวิตที่เธอเชื่อว่าทำทุกอย่างถูกต้อง แต่ปัจจัยหลายอย่างอาจทำให้เธอรู้สึกว่าครั้งนี้มันซีเรียสมากกว่าที่เคยเป็นมา อาการปวดหลังของเธอไม่ได้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่จะแบ่งเป็นช่วง ๆ ช่วงแรก ๆ อาการจะมากกว่า ครึ่งชั่วโมง เธอสามารถเดินทำธุระ ซื้อของเข้าบ้านได้ตามปกติ โดยไม่เคยต้องหยุดพัก แต่เมื่ออาการเริ่มรุนแรงขึ้น หลังจากผ่านไป 10-15 นาที เธอก็ต้องนั่งพัก การซื้อของที่เคยทำได้ง่าย ๆ กลับกลายเป็นเรื่องยาก เพราะต้องหาจุดพักก่อนเดินต่อ หรือบางครั้งต้องเดินกลับไปที่รถเพื่อพักก่อนแล้วจึงกลับมาเดินต่อ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้เธอรู้สึกท้อแท้ แต่เธอก็ยังคงให้กำลังใจตัวเองด้วยการหาหนังสืออ่าน หรือฟังเรื่องราวของคนที่เคยหายจากโรคที่คล้ายกัน

การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตครั้งใหญ่มาถึง เมื่อคุณสุภัทราตัดสินใจเข้ารับการตรวจสุขภาพอย่างละเอียด รวมถึงการทำ MRI ที่โรงพยาบาลเฉพาะทางด้านกระดูกสันหลัง ผลการตรวจพบว่าหมอนรองกระดูกของเธอมีอาการปลิ้นออกมากระทบเส้นประสาท ซึ่งส่งผลให้เธอมีอาการปวดหลังร้าวลงขา แพทย์ได้แนะนำให้เธอเข้ารับการรักษาอย่างจริงจังเพื่อป้องกันไม่ให้อาการเลวร้ายลงไปอีก

การตัดสินใจเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอส สไปน์ โรงพยาบาลเฉพาะทางด้านกระดูกสันหลัง เป็นการตัดสินใจที่สำคัญมากสำหรับคุณสุภัทรา ก่อนที่เธอจะเลือกโรงพยาบาลแห่งนี้ เธอได้ใช้เวลาในการค้นคว้าหาข้อมูลเกี่ยวกับการรักษาอาการปวดหลังจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นบทความทางการแพทย์ รีวิวจากผู้ที่มีอาการคล้ายคลึงกัน หรือคำแนะนำจากคนรอบตัว เธอพบว่ามีโรงพยาบาลหลายแห่งที่เสนอการรักษาสำหรับปัญหาด้านกระดูกสันหลัง แต่ในที่สุดเธอตัดสินใจเลือกโรงพยาบาลเอส สไปน์ เนื่องจากมีผู้แนะนำในหลาย ๆ แหล่ง โดยเฉพาะYouTube ที่มีการแชร์ประสบการณ์ของผู้ป่วยที่เคยรักษาในโรงพยาบาลนี้ เธอยังได้ดูเคสที่มีอาการคล้ายคลึงกับเธอและพบว่าผลการรักษาเป็นไปในทิศทางที่ดี นอกจากนี้ เธอยังเห็นว่าที่นี่มีทีมแพทย์ที่เชี่ยวชาญและอุปกรณ์ที่ทันสมัย ซึ่งสามารถตอบโจทย์ความต้องการของเธอได้

คุณสุภัทรา กล่าวถึงความรู้สึกในช่วงที่ตัดสินใจรักษาว่า “ความกลัวมีอยู่ครึ่งหนึ่ง แต่อีกครึ่งหนึ่งคือความอยากหาย 100% เพราะมันไม่ควรจะเป็นอะไรที่รบกวนชีวิตแบบนี้” การผ่าตัดที่ใช้เวลาเพียง 40 นาทีนี้ เปลี่ยนชีวิตของเธอไปในทางที่ดีอย่างไม่น่าเชื่อ หลังจากการผ่าตัดเสร็จสิ้น คุณสุภัทรารู้สึกได้ว่าอาการปวดหลังที่เคยรบกวนเธอได้หายไปอย่างน่าอัศจรรย์ เธอสามารถกลับมาเดินได้ตามปกติตั้งแต่วันแรกที่ผ่าตัด และไม่ต้องพึ่งพาการทานยาหรือการทำกายภาพอีกต่อไป เธอยังได้กล่าวว่า “ไม่น่าเชื่อว่าผ่าตัดวันเดียว ก็กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติจริง ๆ” 

การผ่าตัดกระดูกสันหลัง แบบเจาะรูส่องกล้องเป็นวิธีที่เหมาะสมกับชีวิตของคุณสุภัทรา เนื่องจากเธอไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้นนาน และสามารถกลับมาทำงานและทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ทันทีหลังจากการรักษา เธอยังได้กล่าวว่า “แผลจากการผ่าตัดกระดูกสันหลัง เล็กมากจนแทบไม่รู้สึกว่าเคยผ่านการผ่าตัดมาก่อน การผ่าตัดกระดูกสันหลัง ครั้งนี้ทำให้เธอรู้สึกโล่งใจและมั่นใจในสุขภาพของเธออีกครั้ง”

นี่คืออีกหนึ่งความประทับใจที่ โรงพยาบาลเอส สไปน์ โรงพยาบาลเฉพาะทางด้านกระดูกสันหลัง ได้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คุณสุภัทรา พ้นทุกข์จากความเจ็บปวด และได้กลับไปใช้ชีวิตที่ต้องการอีกครั้ง ขอบพระคุณสำหรับการแบ่งปันประสบการณ์ในครั้งนี้เพื่อให้คนที่กำลังเผชิญกับอาการปวดหลังร้าวลงขา ขอให้เรื่องราวของคุณสุภัทราเป็นแรงบันดาลใจในการดูแลตัวเองและไม่ลังเลที่จะหาทางแก้ไขปัญหาสุขภาพนั้น ๆ ก่อนที่มันจะกลายเป็นอุปสรรคใหญ่ในการใช้ชีวิตประจำวัน สุขภาพที่ดีเป็นสิ่งที่มีค่ามากที่สุด และการรักษามันไว้ให้ดีจะช่วยให้เราสามารถใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ตามที่เราต้องการ

สอบถามข้อมูล

อาการปวดคอ
อาการปวดหลัง
MRI

รพ. เอส ไปน์

เราเฉพาะทางด้านกระดูกสันหลัง

ปวดหลัง ปวดคอไม่หาย
ปรึกษาเราเลย!

020340808Line ID @s-spinehospital