การทำงานหนักในแต่ละวันอาจดูเหมือนเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับคุณอดิคุณ วัย 24 ปี มันกลายเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตที่เขาไม่เคยคาดคิด การนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ วันละ 8-9 ชั่วโมง โดยแทบไม่ได้ขยับตัว ไม่เพียงทำให้เกิดอาการปวดหลังทั่วไป แต่กลับรุนแรงจนกลายเป็นความเจ็บปวดที่ร้าวจากหลังไปถึงขา
ความเจ็บปวดที่ไม่เคยคาดคิด
คุณอดิคุณ บอกเล่าประสบการณ์จริงในชีวิตที่ไม่เคยคิดเลยว่า ความเจ็บปวดเพียงเล็กน้อยในวัยเรียนจะกลายเป็นฝันร้ายในชีวิตจริง ความเจ็บปวดในตอนนั้นเป็นแค่ความเมื่อยล้าธรรมดา แต่เมื่อเข้าสู่ชีวิตการทำงาน มันรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนวันหนึ่ง เขาตื่นขึ้นมาและพบว่าร่างกายของตัวเองไม่ตอบสนองอีกต่อไป
“ผมตื่นขึ้นมาแล้วขยับตัวไม่ได้” ความเจ็บปวดเหมือนมีของหนักหลายร้อยกิโลกดลงมาที่หลัง แค่จะพลิกตัวก็เหมือนเข็มนับพันเล่มแทงลงมา น้ำตาผมไหลโดยไม่รู้ตัว เพราะในหัวมีแต่คำถามว่า ผมจะต้องอยู่อย่างนี้ไปตลอดชีวิตหรือเปล่า” คุณอดิคุณเล่าด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
การค้นหาทางรักษา
หลังจากที่พยายามรักษาหลายวิธี ทั้งการกินยาและทำกายภาพบำบัด แต่ไม่มีสิ่งใดช่วยบรรเทาความเจ็บปวดได้เลย “บางทีผมก็นั่งมองเพดานแล้วคิดว่า ชีวิตมันต้องเป็นแบบนี้ไปตลอดเหรอ ผมแค่อยากกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติ” ความคิดเหล่านี้ผลักดันให้เขาตัดสินใจค้นหาทางออกใหม่
การรักษาด้วยเทคนิค PSLD
ทีมแพทย์ที่ตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด และพบว่าภาวะหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท คือ สาเหตุหลักของอาการ ทีมแพทย์แนะนำวิธีการรักษาแบบ PSLD (Percutaneous Stenoscopic Lumbar Decompression) ซึ่งเป็นเทคนิคการผ่าตัดส่องกล้องที่ช่วยลดการบาดเจ็บและฟื้นตัวได้เร็ว
“ตอนแรกผมกลัวมาก ไม่รู้ว่าการผ่าตัดแบบนี้จะเป็นยังไง แต่ทีมแพทย์อธิบายทุกอย่างให้ฟังอย่างละเอียด ผมจะหายจากความเจ็บปวดนี้ได้ การผ่าตัดครั้งนี้จะช่วยผมกลับมาใช้ชีวิตได้เหมือนเดิม”
“เหมือนยกภูเขา ออกจากหลัง” ลุกเดินได้ในวันเดียว
คุณอดิคุณ ตื่นขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม ที่ปราศจากความเจ็บปวดที่เคยกัดกินชีวิตของเขา ความรู้สึกแรกหลังผ่าตัดรักษาอาการหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท “เหมือนยกภูเขาออกจากหลัง ผมไม่อยากเชื่อเลยว่าตื่นมาแล้วอาการปวดร้าวลงขาหายไปหมด ตอนนั้นคิดอย่างเดียวว่า “นี่ผมหายแล้วจริง ๆ” ผมลุกเดินได้ในวันเดียว ไม่มีความรู้สึกปวดทรมานอีกต่อไป มองไปรอบ ๆ เห็นหน้าทีมแพทย์ เห็นครอบครัวที่อยู่ข้าง ๆ ทำให้เขารู้สึกว่า “ได้ชีวิตกลับคืนมาแล้ว”
คุณอดิคุณ ยังฝากบอกถึงคนที่กำลังเจอปัญหาแบบเดียวกันว่าการรักษาที่เหมาะสมสามารถเปลี่ยนแปลงทุกอย่างได้ ผมรู้สึกขอบคุณหมอทุกคนที่ช่วยผมกลับมายืนได้อีกครั้ง”
และนี่เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่สะท้อนถึงพลังของการรักษาที่เหมาะสม และความใส่ใจในรายละเอียดจากทีมแพทย์ ทุกความสำเร็จ คือเป้าหมายสำคัญที่เรามุ่งมั่น โรงพยาบาลเอส สไปน์ ขอขอบคุณที่ให้เราร่วมเป็นส่วนหนึ่งในเส้นทางการฟื้นฟูสุขภาพของคุณให้กลับมามีชีวิตที่ดีอีกครั้ง