“ตอนนั้นคิดว่าก็แค่ปวดคอ เดี๋ยวก็หายเอง” อาการที่ดูเหมือนเล็กน้อยจากการนั่งหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลาหลายปี ท่านั่งที่ไม่ถูกต้อง และความเครียดสะสม เป็นจุดเริ่มต้นที่ต้องเผชิญกับอาการปวดคอและบ่าที่ค่อย ๆ รุนแรงขึ้น
อาการปวดธรรมดา สู่จุดเปลี่ยนชีวิต
คุณอวตาร เล่าถึงช่วงเวลาที่เขาคิดว่าอาการปวดคอและบ่า ที่เกิดขึ้นเป็นเพียงความเมื่อยล้าทั่วไป นั่งหน้าคอมฯ มาหลายปี ทำงานจนลืมตัว ท่านั่งก็ไม่ถูก พอเมื่อยก็แค่ลุกไปนอน หรือ ซื้อยากินเอง ตอนแรกก็ดีขึ้น แต่พอนาน ๆ เข้า เริ่มปวดถี่ขึ้น ผมก็ยังคิดว่าคงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
จนกระทั่งวันหนึ่ง ตัดสินใจไปนวดคลายเส้น หวังว่าอาการปวดจะดีขึ้น แต่กลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาใหญ่ “ตอนที่นวด เขากดคอแรงจนเสียงดังกึก” วันรุ่งขึ้นผมปวดหนักทันที บ่าเกร็ง มือก็เริ่มชา เวลาหันคอก็ลำบาก แต่ก็ยังปลอบใจตัวเองว่า เดี๋ยวคงหายเอง
ความพยายามที่ไม่เห็นผล กลับเพิ่มความทรมาน
หลังจากนั้น คุณอวตาร ลองรักษาหลายวิธี ทั้งการกินยา ฝังเข็ม นวด ดึงคอ และทำกายภาพบำบัด แต่ทุกอย่างดูเหมือนจะไร้ผล อาการกลับแย่ลงจนร้าวไปถึงแขน “ทุกครั้งที่ขยับแขน มันเหมือนโดนไฟช็อต” เป็นความรู้สึกที่ทรมานจนไม่อยากลุกจากเตียง เขาเริ่มรู้แล้วว่านี่ไม่ใช่เรื่องเล็กอีกต่อไป
ด้วยความมั่นใจในทีมแพทย์เฉพาะทาง ที่เคยรักษาคุณแม่ของเขาจนหายจากโรคหมอนรองกระดูกสันหลังปลิ้นกดทับเส้นประสาท จึงตัดสินใจเข้าปรึกษาแพทย์ หลังการตรวจ MRI พบว่า เป็นโรคหมอนรองกระดูกสันหลังส่วนคอ ข้อ C5-C6 ปลิ้นกดทับเส้นประสาท พร้อมแนะนำการรักษาด้วยเทคนิคการผ่าตัดส่องกล้อง
แค่ข้ามคืน ทุกอย่างเปลี่ยนไป
คุณอวตาร เล่าความรู้สึกหลังฟื้นจากการผ่าตัดว่า ตื่นมาปุ๊บอาการชาที่เคยทรมานหายไปทันที ความเจ็บปวดที่รบกวนชีวิตมานานก็หมดสิ้น มือที่เคยชากลับมามีความรู้สึกปกติ สามารถลุกเดินได้ในวันรุ่งขึ้น และใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างคล่องตัวเหมือนเดิม พร้อมย้ำว่า การตัดสินใจรักษาในครั้งนี้เป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุด เพราะเขาเชื่อมั่นว่า “แม่หาย ลูกก็ต้องหาย”
เพราะการรักษาที่ถูกต้อง คือ กุญแจของชีวิตใหม่
อย่ารอจนสายเกินไป ปล่อยให้ความเจ็บปวดอยู่กับคุณนาน คุณอวตาร ฝากถึงทุกคนที่กำลังเผชิญกับอาการปวดเรื้อรังว่า “แค่รักษาให้ถูกต้อง ชีวิตคุณก็จะเปลี่ยนได้”