โรงพยาบาลเอส สไปน์ รพ.เฉพาะทางด้านกระดูกสันหลัง จับมือกับศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกสันหลังระดับเวิลด์คลาสจากประเทศเกาหลีใต้ ผู้ซึ่งทำงานวิจัยและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ในด้านการรักษาโรคกระดูกสันหลังจนทั่วโลกต่างยอมรับ หวังให้ไทยเป็นที่รู้จักในระดับโลกด้านการรักษาโรคเกี่ยวกับกระดูกสันหลัง
นพ.ดิตถพงษ์ บุญอำพล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเอส สไปน์ เผยว่า ในปัจจุบันคนไทยและทั่วโลกป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับกระดูกสันหลังมากขึ้น จากสถิติผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเอส สไปน์ กว่าทศวรรษพบว่า มีมากกว่าหมื่นรายและมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ สอดคล้องกับสังคมผู้สูงอายุในปัจจุบัน
นพ.ดิตถพงษ์ ย้ำว่า เมื่อเราเป็นผู้นำทางด้านการรักษาโรคกระดูกสันหลัง จึงต้องไม่หยุดพัฒนาเทคนิคใหม่ๆ เพื่อต่อยอดการรักษาโรคกระดูกสันหลังแบบแผลเล็ก เจ็บน้อย หรือ Minimally invasive surgery (MIS) เช่น เทคนิคการจี้เลเซอร์, การเจาะรูส่องกล้องด้วยกล้องเอ็นโดสโคปแบบ PSLD , PSCD , การฉีดซีเมนต์เพื่อเสริมความแข็งแรงให้กับกระดูก, เทคนิคการยึดน็อตด้วยเครื่องนำวิถี TLIF และอื่นๆ
• หยุดทรมานจากโรคหมอนรองกระดูกคอทับเส้นประสาท ด้วยเทคนิค PSCD
• กระดูกสันหลังเคลื่อนทับเส้นประสาทรักษาได้ ด้วยเทคนิคยึดน็อตนำวิถีแบบ TLIF
• ผ่าตัดส่องกล้องรักษาโรคหมอนรองกระดูกตีบตัน ด้วยเทคนิค PSLD
ปัจจุบันโรงพยาบาลเอส สไปน์ ยังได้คิดค้นเทคนิคการรักษาโรคกระดูกสันหลังแบบใหม่ๆ เช่น การเปลี่ยนหมอนรองกระดูกสันหลังส่วนคอด้วยเทคนิค Hybid ACDF และการรักษากระดูกสันหลังเคลื่อนด้วยเทคนิค Endo-TLIF อีกทั้งยังนำเครื่อง MRI แบบยืน ซึ่งเหมาะสำหรับการค้นหาสาเหตุของอาการปวดหลังที่มักตรวจไม่พบในท่านอน และยังมีเพียงเครื่องเดียวในประเทศไทย เพื่อวัตถุประสงค์สำคัญที่จะทำให้ผู้ป่วยทั้งคนไทยและต่างชาติที่เข้ามารับรักษาอาการปวดหลังนั้นให้หายอย่างยั่งยืน
ล่าสุดโรงพยาบาลเอส สไปน์ ยังได้รับเกียรติจากศาสตราจารย์ Kang Taek Lim (คังแทก ลิม) ผู้อำนวยการโรงพยาบาล SEOUL SEGYERO และประธานกรรมการ Korean Research Society of Endoscopic Spine Surgery, KOSESS ซึ่งถือได้ว่าเป็นศัลยแพทย์ที่มีฝีมือและได้รับการยอมรับจากทั่วโลก เนื่องจากเป็นผู้คิดค้นวิธีการรักษาผู้ป่วยโรคกระดูกสันหลังด้วยการส่องกล้องขนาดเล็ก หรือกล้องเอ็นโดสโคปเป็นรายแรกของโลก เข้ามาช่วยแสดงความคิดเห็นในเคสการรักษาผู้ป่วยที่มีความซับซ้อนและยาก นอกจากนี้ยังร่วมมือกับทีมแพทย์ของ รพ. เอส สไปน์ ในการคิดค้นเทคนิคใหม่ๆ ซึ่งถือเป็นการบูรณาการองค์ความรู้ใหม่ในด้านการรักษาโรคกระดูกสันหลังในไทยที่ทั่วโลกต้องจับตา
นอกจากนี้ยังถือเป็นโอกาสอันดีที่ได้ร่วมงานกับบุคคลที่มากความสามารถและเชี่ยวชาญระดับโลกเช่นนี้ ซึ่งการเดินทางมาในครั้งนี้ของ ศาสตราจารย์ลิม ไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มพูนความรู้และประสบการณ์ให้กับทีมแพทย์ของโรงพยาบาลเอส สไปน์ แอนด์ เนิร์ฟ แล้วยังจะได้เรียนรู้เทคนิคต่างๆ ที่เขาเป็นผู้คิดค้นและเผยแพร่ไปทั่วโลก ซึ่งนานๆ ครั้งถึงจะได้เจอกับศัลยแพทย์ที่มีความสามารถแบบนี้สักคน และในหลาย 10 ปี อาจพบเจอเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น ที่สำคัญยังเป็นผลดีอย่างมากต่อการรักษาผู้ป่วยโรคกระดูกสันหลังในประเทศไทย
ทั้งนี้ นพ.ดิตถพงษ์ ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า โรงพยาบาลเอส สไปน์ ไม่ใช่เป็นเพียงโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านกระดูกสันหลังและระบบประสาทที่รักษาผู้ป่วยโรคกระดูกสันหลังทั่วโลกเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่เรายังมุ่งหวังที่จะเป็นจะเป็น HUB และศูนย์การเรียนรู้ เพื่อแลกเปลี่ยนเทคนิคการรักษาโรคเกี่ยวกับกระดูกสันหลังด้วยกล้องเอ็นโดสโคป เป็นอันดับต้นๆ ของโลกอีกด้วย