คุณทราบหรือไม่ว่าการไอหรือจามแรงๆ อาจทำให้หมอนรองกระดูกแตกได้? แม้ว่าการไอและจามเป็นกลไกสำคัญในการป้องกันสิ่งแปลกปลอมและเชื้อโรคในระบบทางเดินหายใจ แต่หากไอหรือจามแรงๆ อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้
การไอและจามเกิดจากการที่ร่างกายพยายามขับสิ่งแปลกปลอมที่ทำให้เกิดการระคายเคืองออกทางจมูกและปากอย่างรวดเร็ว มักเกิดจากสิ่งกระตุ้นเช่น ควัน ฝุ่น หรือสารก่อภูมิแพ้ต่างๆ ในขณะที่จาม จะเกิดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อหน้าอกและกะบังลมอย่างฉับพลัน
• หมอนรองกระดูกปลิ้นคือ?
• รู้จักโรคปวดหลังร้าวลงขา
ผลกระทบของการไอและจามแรงๆ ต่อหมอนรองกระดูก:
- แรงดันในช่องปอดและช่องท้องเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
- หมอนรองกระดูกสันหลังบริเวณหลังล่างต้องรับแรงกระแทกมากขึ้น
- อาจทำให้หมอนรองกระดูกแตกหรือปลิ้นทับเส้นประสาท
- เสี่ยงต่อการเกิดอาการปวดหลังล่างร้าวลงขาและร่วมกับอาการชา
ความเร็วในการไอและจาม:
- การไอหรือจามเบาๆ: ประมาณ 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
- การจามแรงๆ: สูงถึง 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
วิธีป้องกันผลกระทบจากการไอและจาม:
ฝึกเกร็งหน้าท้องขณะไอหรือจาม เพื่อให้กล้ามเนื้อหน้าท้องรับภาระน้ำหนักแทนกระดูกสันหลัง ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดหมอนรองกระดูกแตกหรือปลิ้นได้
ข้อควรปฏิบัติเมื่อมีอาการปวดหลังหลังจากไอหรือจาม:
- ในกรณีที่อาการไม่รุนแรง แพทย์อาจพิจารณารักษาด้วยยาแก้ปวด
- หากมีอาการปวดเมื่อย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการกายภาพบำบัดและคำแนะนำในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
- การฉีดยาระงับปวดเข้าโพรงประสาทเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการบรรเทาอาการปวดหลัง
- หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 4-6 สัปดาห์และมีอาการปวดร้าวลงขา ควรรับการตรวจวินิจฉัยด้วย X-ray และ MRI
- ในกรณีที่พบการกดทับเส้นประสาท แพทย์อาจพิจารณาการรักษาด้วยวิธีผ่าตัด เช่น การเจาะรูส่องกล้องด้วยเทคนิค PSLD (Percutaneous Stenoscopic Lumbar Decompression)
หากคุณมีอาการปวดหลังที่ไม่หายขาด ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม โรงพยาบาล เอส สไปน์ โรงพยาบาลเฉพาะทางด้านกระดูกสันหลังมีทีมแพทย์ที่พร้อมดูแลและค้นหาสาเหตุอาการปวดของคุณ