เมื่อพูดถึงอาการปวดหลังและระบบประสาท หลายคนคงนึกถึงการผ่าตัดใหญ่และใช้เวลาพักฟื้นยาวนาน
แต่ด้วยนวัตกรรมและความพร้อมด้านทีมงาน จึงทำให้ “โรงพยาบาลเฉพาะทาง ด้านกระดูกสันหลังและระบบประสาท” หรือ S Spine And Nerve Hospital เกิดขึ้นมาเพื่อแก้โจทย์ปัญหาดังกล่าวได้อย่างดี
ด้วยประสบการณ์ด้านการแพทย์เฉพาะทางมาอย่างยาวนาน “นายแพทย์ดิตถพงษ์ บุญอำพล” ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านกระดูกสันหลังและระบบประสาท และศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ได้ริเริ่มก่อตั้งสถานที่รักษาเฉพาะทางโดยเฉพาะ เพื่อเป็นการตอบโจทย์ให้กับภาวะโรคดังกล่าว ช่วยเหลือผู้ป่วยให้สามารถฟื้นตัวได้รวดเร็ว ไม่ทรมาน และมีความเสี่ยงต่ำ
ความตั้งใจแรกที่มาก่อตั้งโรงพยาบาลแห่งนี้ เริ่มจากอะไรครับ
“มันเป็นความฝันครับ”
(หมอพูดไปด้วยสำเนียงขำๆ และมีรอยยิ้ม)
“เมื่อก่อนผมก็เป็นหมอรักษาอยู่ตามโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำทั่วไปหลายที่ คือโดยปกติ เรารักษาโรคลักษณะนี้ซึ่งมันมีวิวัฒนาการเยอะแยะ และใช้อุปกรณ์หลายอย่าง เราพบว่า ถ้าเราไปอยู่ในโรงพยาบาลที่รักษาหลายๆ โรค ทรัพยากรการลงทุนหรืออุปกรณ์ที่ซื้อมา เขาก็จะกระจายไปในหลายๆ ส่วน ให้เท่าๆ กัน โรงพยาบาลมีลักษณะแบบเดียวกับเป็ด คือทำได้หลายอย่าง แต่ก็ไม่สุดสักอย่าง ผมจึงมีความฝันว่า อยากมาเปิดเป็นของตัวเองดีกว่า ทำเรื่องเดียว เอาจุดที่เราสนใจจริงๆ นั่นก็คือเรื่องกระดูกสันหลัง ทำให้ดีที่สุด ดีกว่าที่อื่น เอาให้สุดๆ ไปเลย”
(คุณหมอพูดด้วยแววตาเป็นประกาย)
“เพราะว่าเราก็จะได้ตัดปัญหาในเรื่องการกระจายการลงทุน และทรัพยากรอย่างที่บอก ตลอดจนเรื่องการบริหารการจัดการ ให้มุ่งมั่นเอาดีเรื่องเดียว เพื่อความเป็นเลิศในทุกๆ ด้าน”
“ตอนแรก เราก็เริ่มจากการเปิดเป็นคลินิกก่อน ก่อนจะขยายเป็นโรงพยาบาล เนื่องจากผลตอบรับดีมาก จึงขยายเป็นโรงพยาบาลได้ พอมาทำเป็นโรงพยาบาล เราก็ออกแบบมาเพื่อโรคนี้โดยเฉพาะ เราดูปัจจัยตั้งแต่การออกแบบ การซื้ออุปกรณ์ การจ้างคน ซึ่งเราก็ไม่จำเป็นจะต้องทำได้ทุกอย่าง ให้มุ่งมั่นด้านเดียว ให้ชำนาญมากกว่า ทำงานหลายอย่าง เราจะจ้างคนที่เชี่ยวชาญด้านใดด้านหนึ่งไปเลย แม้แต่พยาบาลที่ช่วยในห้องผ่าตัด คนคุมเอกซเรย์ ก็คุมในด้านนี้โดยตรง กระทั่งสำเร็จได้ตามที่เราหวัง คือเป็นโรงพยาบาลเฉพาะทาง ด้านกระดูกสันหลัง และระบบประสาทที่ครบวงจร เป็นที่ แรกและที่เดียวในประเทศไทยในปัจจุบัน”
อยากให้คุณหมอช่วยอธิบายถึงจุดประสงค์โดยรวมว่าทำไมถึงเกิดโรงพยาบาลแห่งนี้
“ปรัชญาคือ เราอยากทำโรงพยาบาลที่รักษาโรคกระดูกสันหลังและระบบประสาท ที่ดีที่สุดในประเทศไทย อันนี้คือความฝันของผม ส่วนปรัชญาในการรักษาคนไข้ของโรงพยาบาลแห่งนี้อยู่ที่ว่า เราต้องมุ่งหาการรักษาที่ต้นเหตุ โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อให้การหายที่เร็วขึ้น ปลอดภัยมากขึ้น และเพื่อการหายอย่างยั่งยืนสำหรับผู้ป่วย เช่น เราจะเจอคนไข้หลายคนที่มาจากหลายๆ ที่ซึ่งบอกว่า มีปัญหาปวดหลัง กินยาแก้ปวด พอหมดฤทธิ์แล้วก็จะเป็นอีก ซึ่งเราพบว่า เขาไม่ได้รักษาที่ต้นเหตุ แต่ไปรักษาโดยกินยาแก้ปวด ซึ่งเป็นยาระงับอาการ ไม่ได้รักษาที่สาเหตุของโรค”
“สมมุติว่า คุณมีปัญหาตรงหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท กินยาอย่างเดียว มันก็แค่หายปวดชั่วคราว พอหมดฤทธิ์ยา ก็กลับมาปวดอีก ฉะนั้น ปรัชญาของเราคือหาสาเหตุ แก้ที่ต้นเหตุ เพื่อการหายที่ยั่งยืน รวมทั้งใช้เทคโนโลยีด้วย อย่างเช่น เราเจอเคสหมอนรองกระดูกทับเส้น จากเมื่อก่อนถ้ารักษาต้นเหตุเราต้องผ่าตัด แล้วอาจจะดามเหล็ก เดี๋ยวนี้เราแค่ใช้เลเซอร์เจาะรูเข็มเล็กๆ และถ้าเป็นมากหน่อยเราก็ส่องกล้อง แผลก็ไม่เกิน 1 เซนติเมตร แล้วคนไข้นอนแค่ 1 คืนเอง ความเสี่ยงในเรื่องการติดเชื้อหรือเรื่องการพิการก็น้อยกว่า แถมเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่าอีก เพราะนอนแค่คืนเดียว”
“คนไข้ของเราส่วนใหญ่ถ้ามาหาเรามักจะสามารถหลีกเลี่ยงการผ่าตัดใหญ่ได้ ซึ่งเป็นผลดีกับทุกฝ่าย ผู้ป่วยบาดเจ็บน้อย ปลอดภัยขึ้น ประหยัดขึ้น ญาติก็กลัวน้อยลง หมอก็สบายใจขึ้น เพราะเจอข้อแทรกซ้อนที่น้อยลง”
“ทุกอย่างก็เป็นเพราะการจัดการที่ดี และเทคโนโลยีที่ทันสมัย เป็นประโยชน์คืนสู่สังคม คืนสู่ผู้ป่วย คืนสู่พนักงาน และตัวผมเองด้วย เพียงแต่ถ้าพนักงานมีการพัฒนา เราสามารถทำทุกอย่างได้ง่าย เมื่อผลการรักษามันดี มีการพูดคุย การดูแลใส่ใจที่ดี ทุกคนมีความสุขในการทำงานหมด พนักงานทุกแผนก แล้วเราเจอปัญหาน้อยมากที่คนไข้จะมาบ่น พนักงานก็ทำงานสบาย เพราะระบบมันเอื้อ เราจึงมีการลาออกของพนักงานต่ำมาก”
“ถึงแม้ว่าบางครั้งอาจจะมารอหมอบ้าง แต่เขาเข้าใจว่า สิ่งที่เขาต้องการคืออะไร มาแล้วเขาจะได้รับอะไร เขาก็สามารถรอได้ แต่ในระหว่างรอ เราก็ให้ความรู้ผู้ป่วยเกี่ยวกับโรคที่เขาเป็น เราให้ความสำคัญกับตรงนี้มาก เพราะเราเชื่อว่า การรักษา นอกจากรักษาโรค เราต้องรักษาคนด้วย ผู้ป่วยต้องรู้ และเข้าใจว่า เขาป่วยเป็นอะไร และจะต้องรักษา ดูแลตัวเองอย่างไร พนักงานก็จะทำงานง่ายกับที่นี่”
“นอกจากนี้ เราสร้างโรงพยาบาลมา เราก็ไม่จำกัดในเรื่องทรัพยากร อะไรที่ดีกับการรักษากระดูกสันหลัง เราเอาหมด มีหลายอย่างที่เป็นเครื่องมือที่ทันสมัย ซึ่งไม่คุ้มค่าในการซื้อ แต่ในเมื่อเราตั้งปรัชญาว่าเราต้องทำให้ดีที่สุด เราก็ต้องจัดหามา”
“เช่น เครื่อง Navigator ระบบนำวิถี เครื่องเลเซอร์ กล้องส่อง เตียงผ่าตัดเฉพาะกระดูกสันหลังโดยเฉพาะ ถ้าเป็นที่อื่น เขาจะไม่ซื้อ เพราะว่าถ้ามาใช้เฉพาะจุดอย่างเดียว มันก็ไม่คุ้มค่า แล้วก็กินพื้นที่ห้องอื่นด้วย หรือแม้กระทั่งเครื่องมือรักษาต่างๆ เราก็ไม่ได้ซื้อชุดเดียว เราซื้อหลายชุดเลย เพื่อให้คนไข้เสี่ยงน้อย สะดวกในการทำงาน และถ้ามีการเสีย เราสามารถเอามาเปลี่ยนให้คนไข้ได้ทันที ฉะนั้น เมนหลักของเราก็คือ ทำคุณภาพให้ดีที่สุด เราเชื่อว่า ถ้าเราทำตัวเราให้เยี่ยม เดี๋ยวจะมีคนมาเยี่ยมเราเอง”
ทีนี้ความเข้าใจในเรื่องอาการปวดหลังของคนไทย เมื่อเทียบกับทั่วโลก มีความแตกต่างกันยังไง
“อันที่จริง อาการปวดหลัง หรืออาการทับเส้นประสาทในประเทศไทย ก็คล้ายกับที่อื่นในโลก เพราะโดยปกติ มนุษย์ไม่ได้สร้างมาเพื่อเดินสองขา ในอดีตเราเป็นสัตว์สี่เท้ามาก่อน แล้วต่อมา เราก็ยืนด้วย 2 ขา จากเดิมที่ตัวอยู่ในแนวราบ แล้วกระจายน้ำหนักไป 4 ขา สมมุติว่าน้ำหนักตัว 100 กิโลกรัม มันก็จะลงที่ขาข้างละ 25 กิโลกรัม ก็ยังถือว่ารับแรงน้อย แต่พอมนุษย์เรายืนขึ้นมา 2 ขา ขาทั้งสองข้างก็รับน้ำหนักข้างละ 50 กิโลกรัม และเมื่อก่อน กระดูกสันหลังอยู่ที่แนวนอน แรงกดลงที่กระดูกสันหลังน้อย ตอนนี้ เรายืนสองขา น้ำหนักก็ผ่านกระดูกสันหลังลงไป ทำให้แรงกดอยู่ในกระดูกสันหลังเยอะมาก คือมันเป็นปัญหาในเรื่องวิวัฒนาการของมนุษย์ว่าเราไม่สามารถรองรับ แรงของการเดินสองขาได้อย่างเต็มที่”
“เพราะว่าตอนนี้มนุษย์ก็เริ่มมีวิวัฒนาการเชื่อมกระดูกเข้าด้วยกัน เพื่อรองรับน้ำหนัก แต่ก็ยังไม่ได้อย่างเต็มที่ ฉะนั้นการยืนสองขาจึงเป็นจุดอ่อนของมนุษย์ ซึ่งมี 2 อย่าง อย่างแรก คือเรื่องกระดูกสันหลัง เพราะรับแรงกดมากขึ้น กระดูกสันหลังจะเสื่อมง่าย หมอนรองกระดูกแตกง่าย อย่างต่อมา คือเรื่องเข่า เพราะว่ารับน้ำหนักจาก หาร 4 มาเป็น หาร 2 มันก็จะรับน้ำหนักมากขึ้น และทำให้เสื่อม เป็นจุดอ่อนของมนุษย์”
“ฉะนั้น มนุษย์ทั่วโลกก็จะมีจุดอ่อนเหมือนกันเลย นั่นคือ เข่ากับหลัง แต่ละคน แต่ละเชื้อชาติก็มีความต่างกัน ว่าใครจะเป็นมากหรือน้อย ซึ่งคนไทยโชคดีที่เป็นน้อย เพราะมีความผอม สรีระเราจะไม่สูงมาก แรงกดก็จะน้อยลง ถ้าเทียบกับชนชาติอื่น เช่น พวกตะวันออกกลาง ซึ่งจะมีความเตี้ย อ้วน ทำให้เกิดปัญหาดังกล่าวเยอะมาก”
พูดง่ายๆ คือ วิถีชีวิตเปลี่ยนไป ทำให้โรคก็เปลี่ยนไปตามยุคสมัยด้วย
“ใช่ครับ เมื่อก่อนโรคนอนไม่หลับก็ไม่ค่อยเยอะ เพราะว่าทำงานเหนื่อย หลับง่าย เดี๋ยวนี้โรคนอนไม่หลับเพียบเลย หรือโรคอ้วน เมื่อก่อนก็ไม่ค่อยมี เพราะว่าทำงานหนักมาก ใช้พลังงานเยอะ มีแต่ปัญหาปวดกล้ามเนื้อ ปวดหลังปวดเอว เดี๋ยวนี้มีปัญหาอ้วน แถมตอนนี้มีการใช้โทรศัพท์มือถือ และการทำงานใช้คอมพิวเตอร์ ทำให้อยู่ในท่าที่ผิด ทำให้ปวดได้ง่าย ที่เรียกว่า Office syndrome”
“แต่ปัญหาก็คือ ช่วงแรกๆ จะมีแค่เมื่อย มันก็จะเสื่อมมากขึ้นเรื่อยๆ จนเสื่อมมาทับเส้นประสาทแล้ว พอถึงตอนนั้นก็ใช้เวลาเป็น 10 ปี พอจะมาแก้ก็ยากแล้ว คือที่จริงมันต้องแก้ตั้งแต่เริ่มต้น สรุปปัญหานี้คือ Office syndrome เป็นภัยเงียบที่มักจะมาแก้ทีหลัง มักเป็นมากและแก้ยาก คือกระดูกกดเส้นประสาท มันก็พิการได้ แขนขาอ่อนแรง มืออ่อนแรง”
ด้านความแตกต่างของโรงพยาบาลแห่งนี้กับที่อื่นละครับ มีความแตกต่างกับที่อื่นยังไง
“เราเป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางครับ เราเชื่อว่า รู้อะไรให้มากเป็นอย่างเดียว แต่ให้เชี่ยวชาญเถอะจะเกิดผล เหมือนคำพังเพยโบราณ ที่นี่เป็นโรงพยาบาลรักษาเฉพาะทางอย่างเดียว มุ่งมั่นทั้งทางงานวิจัย และงานวิชาการทางด้านนี้ ของโรคกระดูกสันหลังและโรคระบบประสาท คือเราเพิ่งเกิดมา 1 ปี แต่จริงๆ เราเป็นคลินิกมาหลายปีแล้ว เราสั่งสมประสบการณ์ มีคนเห็นคุณค่าในการที่จะเปิดโรงพยาบาล ก็ช่วยๆ กัน มาฟอร์มทีมกัน แล้วอย่างที่เรียนว่า ทั้งคนและทรัพยากร และนำเสนอวิธีรักษาที่ล้ำหน้าด้วยเทคโนโลยี เพื่อผลที่แตกต่าง ใครที่รู้สึกอึดอัดที่ไม่ได้ทำงานด้านเฉพาะทางเต็มที่ มาที่นี่ ทุกคนได้ปล่อยของเต็มที่” (คุณหมอหัวเราะอีกที)
“ยกตัวอย่างพยาบาลผ่าตัดของที่นี่ ถูกเทรนในเรื่องกระดูกสันหลังมาโดยตรง แต่เมื่อก่อนอยู่โรงพยาบาลทั่วไป ก็จะถูกส่งไปทำผ่าตัดทำคลอด ผ่าท้อง และอื่นๆ ซึ่งจะทำให้ความชำนาญของเขาลดลง ถ้าทำที่นี่ ก็ทำด้านนี้เลย ฝึกอย่างดี เพราะฉะนั้น บุคลากรที่นี่ก็เชี่ยวชาญเฉพาะทางจริงๆ เห็นอาการปุ๊บรู้เลยว่าเป็นโรคอะไร อย่างผู้ป่วยที่ทำการรักษา เวลาที่ไปห้องผู้ป่วยใน เขารู้เลยว่า อาการตรงนี้เกิดจากเส้นประสาทส่วนไหน ใกล้เคียงกับหมอเลย เพราะว่าเขาถูกฝึกมาอย่างชำนาญ เกิดอาการผิดปกตินิดหน่อย สามารถแจ้งแพทย์ได้โดยเร็ว ซึ่งการมีบุคลากรอย่างนี้ ก็ทำให้อาการบาดเจ็บและความทุกข์ของคนไข้ลดลงด้วยนะครับ หมอก็ทำงานง่าย ความเสี่ยงต่ำ”
“เปรียบเทียบกับเมื่อก่อน ผ่าตัดแบบเก่าต้องมีการนอนโรงพยาบาล 1 – 2 อาทิตย์ พักฟื้นอีกหลายเดือนกว่าจะหาย แต่ ที่นี่ส่วนใหญ่นอนแค่คืนเดียว กลับบ้านได้เลย คนไข้ทำปุ๊บเดินได้เลย ซึ่งเป็นจุดเด่นของเรา แล้วผลแทรกซ้อนก็ต่างกันมากเลย นั่นก็เพราะ 1.ความชำนาญของแพทย์ 2.เทคโนโลยี 3.ความชำนาญของเพื่อนร่วมทีม 3 อย่างนี้ มีความสำคัญทั้งหมด คือถ้าขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไป เขาก็จะแสดงศักยภาพไม่ได้เต็มที่ เช่นต่อให้หมอเก่ง แต่ทีมดูแลไม่ดี ก็จบเหมือนกัน ฉะนั้น เราต้องดูแลห่วงโซ่อุปทานให้ดีตั้งแต่ต้นจนจบเลย”
อยากให้คุณหมอช่วยยกตัวอย่างนวัตกรรมของโรงพยาบาลแห่งนี้หน่อยครับ
“ที่นี่จะมีความแปลกตั้งแต่การออกแบบเลยนะ เรายึดหลักการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีกับการเอาใจใส่ สมัยก่อนเขามีความเชื่อว่า ถ้ามัน hi-tech ก็จะไม่ hi-touch และถ้าดูแลดี hi-touch ก็จะไม่ค่อย hi-tech แต่ของเราจะประสานให้สองอย่างมาอยู่ด้วยกัน มันก็จะอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เราสังเกตเห็น คือถ้าสังเกต ตั้งแต่เข้ามา ทุกจุดจะมีไอเดียหมด มันไม่ได้เหมือนจ้างคนมาออกแบบปกติ แล้วตกแต่งให้สวยอย่างเดียว ทุกที่แสดงถึงอินโนเวชั่น และไอเดีย ซึ่งเราก็เห็นด้วยว่าเป็นโรงพยาบาล มีการออกแบบมาแปลกกว่าที่อื่นมาก”
“ตั้งแต่เริ่มเข้ามา อารมณ์จะเหมือนว่า นี่เข้ามาโรงแรมหรือรีสอร์ท เพราะภาพของคนไข้ก่อนหน้านี้ เขาจะมีความกลัวเวลาจะมาโรงพยาบาล แต่สำหรับที่นี่ เขาเข้ามาแล้วจะรู้สึกว่าเป็นที่ที่สบาย พอเข้ามาข้างในโรงพยาบาลปุ๊บ เขาจะรู้สึกว่าเหมือนเป็นยานอวกาศ เพราะเราต้องการให้คนรู้สึกว่านอกจากความอบอุ่นสบายใจแล้ว พวกเรามีความทันสมัย ทั้งการบริการ,การวินิจฉัย และการรักษา”
“ห้องตรวจของเราก็จะฉายรูปภาพขึ้นจอ Big screen ให้คนไข้ได้เห็นปัญหาของตัวเองสดๆ จะได้เข้าใจ ไม่ใช่แค่บอกผลจากใบอ่าน”
“แม้แต่ป้ายทุกชิ้น ผนัง กำแพง เราก็ฉายเป็นคลิปวิดีโอเพื่อความเข้าใจง่ายกว่า และสามารถให้ความรู้ได้ด้วย และจุดต่างๆ ที่ปะทะสายตา จะมีความแปลก เราเป็นโรงพยาบาลที่เน้นไอเดีย เต็มไปด้วยนวัตกรรม สำหรับผู้ป่วยด้านกระดูกสันหลังโดยเฉพาะ เพราะมันจะสื่อไปถึงการรักษา ที่ไม่เหมือนที่อื่น และสื่อถึงการดูแลเอาใจใส่ และ เทคนิคเรื่องการรักษาของหมอที่เน้นเรื่องนวัตกรรม เพื่อยกระดับให้เป็นระดับโลก ตอนนี้เรากล้าสู้ทุกที่ในโลก เพราะคนไข้ครึ่งหนึ่งก็มาจากต่างชาติ มันเป็นเครื่องพิสูจน์ในตัวมันเอง อีกอย่าง ประเทศไทย เป็นประเทศในด้าน Medical Tourist อีกที่หนึ่งในโลก ที่จริงเราไม่ได้เป็นผู้สร้างเทคโนโลยีเอง แบบว่าคนอื่นคิดค้นมา แต่เราใช้เทคโนโลยีได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด”
“เราสร้างรายได้เข้าประเทศไม่น้อยเลยนะ” คุณหมอหัวเราะ
“หรือในส่วนเครื่องมือที่ทางเราใช้รักษา เรามุ่งเน้นว่า เทคโนโลยีที่เขาว่าดีจากทุกมุมโลก เราก็หาเข้ามารักษาที่นี่ มีมาจากอเมริกา ยุโรป สวีเดน จีน ญี่ปุ่น เกาหลี มีหมด แล้วแต่อันไหนมันดี และเวิร์คจริงๆ อย่างที่บอกไปว่า เราจะทำยังไงให้ไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ อย่างเช่นการใช้เลเซอร์ เจาะรูเล็กๆ เข้าไป ก็รักษาได้แล้ว หรือการผ่าตัดส่องกล้อง การรักษาด้วยระบบนำวิถี ทั้งในเรื่องการหาจุดที่รักษาได้อย่างแม่นยำ หรือเครื่องเอกซเรย์ก็เป็นรุ่นใหม่ล่าสุด โดยที่สามารถตั้งกลไกพิเศษ ใช้รีโมตควบคุม ซึ่งจะสามารถตัดความผิดพลาดไปได้เยอะเลย โดยเครื่องมือเหล่านี้ก็ช่วยบริการคนไข้ได้เป็นอย่างดี”
กล่าวโดยสรุปคือ ที่นี่คือศูนย์รวมความพร้อมทางด้านนี้โดยเฉพาะ
“เราเรียกว่าเป็น Excellent Center ดีกว่า ศูนย์แห่งความเป็นเลิศในด้านกระดูกสันหลัง และระบบประสาท ซึ่งจากปากของคนไข้ เมื่อได้รับการรักษาที่นี่แล้ว มักจะบอกว่า เป็นทางเลือกของคนฉลาดเลือก ถ้าผู้ป่วยทำการบ้านมาดี มักจะมารักษาที่เรา”
ประโยคนี้ คงเป็นประโยคสรุปของคุณหมอ ผู้กล้าหาญในการเปลี่ยนรูปแบบการรักษาโรคทางด้านกระดูกสันหลัง และระบบประสาท ได้เป็นอย่างดี